แล้วฉันเป็นใคร

ฉันไม่ใช่นักเขียน...ฉันเป็นแค่คนขี้บ่นที่พ่นความคิดเป็นตัวอักษร
ฉันไม่ใช่ศิลปิน...ฉันเป็นแค่คนที่วาดภาพได้และรู้ทฤษฎีบ้างก็เท่านั้น
ฉันไม่ใช่นักดนตรี...ฉันเป็นแค่คนหนึ่งคนที่ฟังทำนองแล้วรื่นรมณ์
ฉันไม่ใช่นักกีฬา...ฉันเป็นแค่คนที่ออกกำลังกายจริงจังอยู่พักใหญ่ๆ
ฉันไม่ใช่นักวิชาการ...ฉันเป็นแค่คนที่ชอบ ที่จะได้อ่านหลักการบางอย่างก็แค่นั้น
ฉันไม่ใช่นักปราชญ์...ฉันเป็นแค่คนที่เห็นความจริงบางอย่างในถ้อยคำเหล่านั้น
ฉันไม่ใช่นักธุรกิจ...ฉันเป็นแค่คนที่ทำทุกอย่างสนองต่อมสุนทรีย์ของตัวเองเท่านั้น
ฉันไม่ใช่นักรบ...ฉันเป็นแค่คนที่รักษาพื้นที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน
ฉันไม่ใช่ครูหรืออาจารย์...ฉันแค่อยากบอกในสิ่งที่ได้รู้มา ที่ถูกถ่ายทอดมา
ฉันไม่ใช่ลูกศิษย์...ฉันเป็นแค่คนที่พานพบความรู้ต่างๆทั้งที่จงใจและบังเอิญ

แล้วฉันเป็นใคร...

ฉันป็นแค่คนๆหนึ่งในหลายพันล้านคน
ฉันเป็นแค่ จุดสีเล็กๆในผืนผ้าใบผืนใหญ่
ฉันเป็นแค่อณูเล็กๆอณูหนึ่งของจักรวาล
ฉันเป็นแค่ คนที่มีภาระต่อกรรมที่ทำมาและที่ติดตัวมา

แล้วในท้ายที่สุด...

ฉันก็จะได้กลับไปอยู่ในที่ๆทุกคนต้องอยู่
กลับคืนสู่ธรรมชาติในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
กลับคืนไปเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของทั้งหมดอีกครั้ง

นั่นล่ะที่ฉันเป็น...

แค่ภาชนะบรรจุพลังงานชีวิต
แค่ภาชนะบรรจุกระบวนการแห่งชีวิต ความคิด และการกระทำ

เวลาเราตาย เราไม่ได้หายไปไหนหรอก...แค่เปลี่ยนสถานะ และถูกทดแทนด้วยคนรุ่นต่อไป แล้วเราก็ถูกลืมเลือน ไม่อย่างนั้นฉันก็ต้องรู้แล้วว่า ต้นทางสายพันธุ์คนแรกของฉัน เป็นใคร เขาเคยผ่านยุคหิน หรือยุคน้ำแข็งไหม ไม่แน่นะ ฉันกับอีกหลายๆคนที่ไม่เคยเจอหน้าหรือรู้จักกัน และไม่มีวันได้เจอในช่วงชีวิตที่มีลมหายใจอาจจะกลายเป็นเครือญาติแห่งต้นทางสายพันธุ์เดียวกันก็ได้

ไม่แน่นะคุณกับฉัน เราอาจเป็นญาติกันแต่รุ่นบรรพกาลก็เป็นได้ ใครจะรู้...

นั่นซินะ...ใครจะรู้ ก็ถ้าไม่มีเราที่ชอบเรียกตัวเองว่า สัตว์ประเสริฐ จะมีผู้สร้างเราได้ยังไง เพราะมีเรา ถึงยังมีคนที่เอ่ยนามหรือชื่อของอะไรก็ตามที่เรานับถือศรัทธา ยึดเหนี่ยวสิ่งที่เรียกว่าจิตใจอยู่จนบัดนี้ ก็เพราะแบคทีเรีย หรือไวรัส ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าศรัทธา หรือความเชื่อน่ะซิ เพราะสิ่งมีชีวิต ที่เราชอบเรียกมันว่า เดรัจฉาน ไม่มีสิ่งเหล่านี้นะซิ เราถึงได้ชอบที่จะสมมติ ให้ตัวเองเป็นแบบนั้น อย่างนี้ แล้วสุดท้าย ก็เหยียบย่ำทับถม ข้ามศพกันไปเพื่อให้ตัวเองบรรลุแก่อำนาจแห่งกิเลสนรก สันดานดิบ ที่เมื่อถึงจุดนึง ทุกผู้ก็ระเบิดมันออกมาเยี่ยง เดรัจฉาน ก็มิปาน แล้วยังกล้าเรียกตัวเองว่า สัตว์ประเสริฐ อยู่อีกเหรอ

หลอกตัวเองชัดๆ...

และก็อาจเป็นฉันด้วย ที่หลงทางอยู่ในวังวนความคิดพวกนี้ ที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่อย่างนี้ นี่ฉันก็หลอกตัวเองอยู่เหมือนกันใช่ไหม เพิ่มความสับสนให้ตัวเองด้วยการเขียนความสับสน ให้ยิ่งสับสน...

ก็ฉันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของสัตว์ประเสริฐ เหมือนกัน ฉันจะดีกว่าใครได้ยังไง














โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ ถ้ามันไม่สมควรไปวิ่งวนเวียนในหัวสมอง
ในความคิดของท่าน จงตัดมันทิ้งไป ข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาครอบงำ
หรือลบหลู่ใครแต่ประการใดทั้งสิ้น ท่านเลือกได้ เลือกได้เสมอในทุกสิ่ง

ไม่มีหรอก คำว่า ไม่มีทางเลือก เพียงแต่ทางเลือกเหล่านั้น
มักถูกเคลือบไว้ด้วยสัญชาตญาณที่เรียกว่า เอาตัวรอด อยู่เสมอๆ

ไม่มีความคิดเห็น: