มนุษย์ ผู้มีชีวิตดำรงอยู่

เคยรัก…แบบที่รักมั้ย

มันไร้คำอธิบาย ไม่มีรูปแบบ ไม่มีกฏเกณฑ์ใด ไร้ซึ่งสิ่งปรุงแต่ง เรารู้เพียงว่า ทุกครั้งที่ตื่นลืมตาขึ้นมาในทุกอรุณรุ่งของทุกวัน

ความคิดคำนึงแรกคือ ‘เธอ’ คนที่เรารู้สึกรัก และเต็มเปี่ยมในทุกอณูของอารมณ์นั้น รัก คำง่ายๆที่เราไม่มีวันเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

มันมาตอนไหน มันทำให้หัวใจฉ่ำฉื่นสักเพียงใด ที่รู้มีเพียงเราได้ดื่มด่ำกับความรู้สึกนั้น จนเราลืมไปว่า ความรู้สึกของอีกคน ข้างๆเรา ใกล้ตัวเรา รู้สึกเช่นไร เราไม่เคยเหลียวมอง หรือ แคร์ กับทุกอณูความรู้สึกนั้น จนกระทั่ง เราสูญเสียมันไป และไม่ว่าเราจะสูญเสียมันไปมันรูปแบบใด คำบรรยายต่อการรู้สึกสูญเสียนั้นก็ยังคงเหมือนๆกัน…

เสียใจ…เสียความรู้สึก…เสียความเป็นตัวเราเอง…เพราะเมื่อเรารักใคร เราเหมือนฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา ยอมได้ทุกอย่าง รับได้ทุกความเห็นแก่ตัว แต่สุดท้าย เราก็พ่ายแพ้ต่อทุกสิ่ง เพราะอีกคน ไม่คิดแบบเรา และบอกว่าเราต่างหากที่เห็นแก่ตัว

เขาใช้คำว่า วิถีที่ต่างกัน และควรอยู่ให้ไกลกันไว้ มาเป็นข้ออ้างเพื่อการตีจาก เวลาของเขาไม่เท่าเรา เพราะเวลาของเรามีเพียงแค่เขาเท่านั้น เท่านั้นตลอดมา

มันทำให้ฉันรู้ว่า เหตุผล บางครั้งใช้ไม่ได้กับคนบางคน และความรู้สึกที่เหนือเหตุผล ก็ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับคนบางคน

ฉันเคยรู้สึกว่าทุกอย่างมันใช่…จนความจริง ที่กระแทกเข้ามา เหมือนโดนไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็มกบาล ความจริงที่ ทุกสิ่ง และทุกอย่างที่เขาบอกเราเป็นเพียงแค่…สิ่งจอมปลอม เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เป็นแค่…ทุกความรู้สึกของเขาเอง ซึ่งในนั้น ไม่มีฉันปนอยู่ ไม่เคยมีเลยสักนิดแค่เศษเสี้ยวผงธุลีดิน

ฉันได้แต่ภาวนาว่า…อย่าให้เธอเจอคนแบบที่ฉันเคยดึงเธอออกมา คนที่มันชั่วช้าขนาดทำร้ายกันจนเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ฉันไม่เคยปรารถนา…

ฉันอยากให้เธอเจอคนที่ดี ดีกว่าฉัน ดีกว่าที่ฉันทำให้ หากจะมี เขาจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเธอ และผม ในฐานะที่ตอนนี้เป็นได้แค่ ‘เศษ’

หวังใจไว้เช่นนั้น…เป็นเช่นนั้นเสมอมา เมื่อฉันสมบูรณ์แบบให้เธอไม่ได้ ก็ไม่ผิดที่เธอจะไป ก็ปล่อยฉันไว้ ให้ล่องลอยในอากาศ เพราะคงมากไปหากฉันจะขอให้ตัวฉันเป็นความทรงจำที่ดีของเธอ

ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า คำพูดของคนเรา มันไร้ค่าขนาดไหน ธรรมชาติสร้างหูให้เราสองข้าง สร้างปากให้เราหนึ่งปาก แต่สุดท้าย เราก็ใช้ปากที่มีอยู่เพียงหนึ่งนั้นหักหาญน้ำใจคนที่เธอเองบอกว่ารักสุดหัวใจ และไม่เคยรักใครเท่านี้

ขอบคุณที่พระเจ้ายังทรงปราณี และทำให้ฉันพิการแค่สองนิ้ว แทนที่จะสิ้นชีวิตไปโดยที่ฉันเองไร้ความผิดใดๆ เหมือนว่าฉันยังต้องอยู่ อยู่เพื่อพิสูจน์ว่า ชีวิตฉันมีค่ามากกว่านั้น และคนที่มองเห็นเท่านั้นจะได้มันไป แทนที่คนบางคนที่มองชีวิตฉันมีค่าแค่สกุลเงิน และความเหลื่อมล่ำทางฐานะ หรือการถือดี หยิ่งทะนง

หลายครั้งที่ฉันอ่านหนังสือ และเปิดขึ้นมาเจอหน้าเดิมโดยที่ฉันไม่ต้องคั่นัมนไว้ ประโยคนั้นเขียนว่า

“จงกำจัดผู้คนไร้ค่า และกิจกรรมที่ไร้ค่าออกไปจากชีวิต แล้วท่านจะพบสิ่งที่ดีกว่า”

ฉันเริ่มมองเห็นมันแล้ว ฉันเริ่มเข้าใจมันในทุกๆวันของชีวิตแล้ว ฉันเริ่มแตกฉานกับแก่นของประโยคนี้แล้ว

ขอบคุณเธอที่ทำให้รู้ว่า รัก ก็ไปได้แค่นั้น หากอีกคน รัก ไปคนละทาง มันก็เหมือนรางรถไฟที่ขนานกันไปจนสุดทาง และไม่มีวันบรรจบกันได้ และทุกระยะของทางรถไฟนั้น มีไม้หมอนรองอยู่ซึ่งก็เปรียบเหมือนอุปสรรคที่ไม่มีวันจบสิ้นจนสุดทางเช่นกัน

แต่สิ่งหนึ่งที่วิ่งอยู่บนทางนั้น ก็ยังคงถึงจุดหมาย จอดทุกสถานีที่ต้องหยุดและวิ่งต่อไป และต่อไป และต่อไป จนกว่าสิ่งที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้น บังเกิดขึ้น ‘รถไฟยางแตก’ หน้าหัวร่อ ที่มันไม่มีวันเป็นจริง เป็นเพียงสิ่งเดียวในโลกละมั้ง ที่ไม่มีวันเกิดขึ้น นอกเหนือจากจินตนาการ กับฝันแล้งๆของคนอย่างฉัน ที่สัมผัสถึงมันได้ตลอดเวลา

“เมื่อเรารู้สึกว่ารักใครมากเกินไป เราอาจยังรักไม่พอ และเจ้าหญิงในชีวิตอาจยังไม่เกิด หรือตอนที่พระองค์ทรงสร้างฉันก็อาจทำลายบล็อกฉันทิ้งไป ตั่งแต่วันแรกที่สร้างเสร็จ จนลืมหักกระดูกสร้างคนอีกคนที่คู่ฉัน อย่าง อดัม กับ เอวา”

คุณรู้มั้ยนอกเหนือจากความเชื่อแล้ว ความหมายของชื่อสองชื่อนี้หมายถึงอะไร

อดัม แปลว่า มนุษย์

เอวา(อีฟ) แปลว่า มีชีวิตอยู่

เมื่อสองคนมาบรรจบกัน เกิดความสมบูรณ์ คุณลองรวมความหมายของสองคนนี้ซิ แล้วคุณจะรู้ว่า พระเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด

ขอพระเจ้าอวยพร อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น: