หยาดฝนบนพื้นแผ่นดินอันแห้งแล้ง

ยาดฝนบนพื้นแผ่นดินอันแห้งแล้งจะมีความหมายอย่างยิ่ง...
เพราะมันทำให้ผืนแผ่นดินสดชื่นขึ้นอีกครั้งและต้นไม้ใบหญ้าถูกชะล้างจนสะอาด

จิตใจของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะจิตใจของคนเรามักถูกทับถมด้วยฝุ่นละออง ที่เราเรียกมันว่ากิเลส ซึ่งหมายรวมถึงสิ่งไม่ดี ที่เกาะกินจิตใจของเราทุกวี่วันมันทำให้เราเข้าสู่วังวนแห่งด้านมืดเห็นผิดเป็นชอบ กล่าวโทษผู้อื่นด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยา ไร้สิ่งที่เป็นความจริง เพียงเพื่อให้เขาเหล่านั้นได้รู้สึกว่ามีอำนาจเหนือกว่าคนอื่นๆที่เขาว่าร้ายจิตใจแห้งแล้งและหยาบช้าอย่างร้ายกาจ ทุกสิ่งที่จับต้องไร้ความจริงใจโดยสิ้นเชิง สิ่งไหนไร้ประโยชน์ก็ไม่เคยจะเหลียวแล

หากเราชะล้างจิตใจของเราได้ มันก็จะเป็นการดียิ่งที่ทุกอย่างจะเอนเอียงไปในทางบวกทางเจริญ มากกว่าสิ่งที่พูดถึงไปข้างต้น แล้วเราจะทำการชะล้างจิตใจของเราได้อย่างไร ทำอย่างไรที่จะปัดเป่าฝุ่นละอองที่เกาะกินจิตใจเรา อย่างน้อยๆ ก็ให้ฝุ่นเหล่านั้นเบาบางกว่าที่เป็นก็คงจะแลเห็นแค่ สติ ที่คนเราจะสามารถใช้พินิจพิเคราะห์ แยกแยะ ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ฟังอย่างตั้งใจ มองอย่างพิจารณา และคิดด้วยปัญญา


ฟังให้ได้ยิน ไม่ใช่ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง
มองให้ได้เห็น ไม่ใช่ได้เห็นแต่ไม่ได้มอง
คิดให้ทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่มุทะลุเพราะความคิด
ทำให้มีคุณค่า ไม่ใช่ทำทุกอย่างเพราะมันมีมูลค่า
ให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ให้เพราะหวังจะได้รับ

ขอ สติ จงมีแก่ทุกท่านมากกว่าอำนาจแห่ง กิเลส
ขอ สติ เป็นดั่งหยาดฝน ชะล้างฝุ่นละอองที่เกาะกินใจท่าน
และตัวข้าพเจ้าเองให้หมดไป...

ไม่มีความคิดเห็น: