พ้นภาษา

สิ่งที่ฉันบันทึกไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองสิ่งรอบตัวมากกว่าวิถีของตัวเอง ดึงทุกอย่างรอบๆกายเข้าหาจุดศูนย์กลางคือตัวเราเอง แต่กับฉันที่มองจากตัวเอง ออกไปหาสิ่งรอบตัว อาจดูเหมือนเป็นคนมีอีโก้มากมาย แต่ข้อความทั้งหลายในโลกนี้ ตัวอักษรในหนังสือเป็นล้านๆเล่ม ในบันทึกเป็นล้านๆข้อความ ที่แสวงหาความหมายของอะไรสักอย่าง ต่างมีข้อเด่นข้อด้อยของมันเอง และเราทำได้แค่ซึมซับส่วนดีและเรียนรู้เท่าทันส่วนไม่ดีไว้จากสิ่งที่เรียกว่าความคิดของมนุษย์ เพราะแม้แต่ความคิดของฆาตกร ก็ต้องมีจุดที่น่าสนใจและให้ค้นหาคำตอบว่าเหตุใดเขาจึงกลายเป็นฆาตกร...แต่ไม่ใช่เพื่อทำให้เรากลายเป็นฆาตกรซะเอง

ทุกอย่างที่เรียกว่าความคิดเห็นย่อมมีเรื่องให้ถกกันเสมอ แต่หากการถกกัน ขาดการรับฟังที่ดีแล้ว มันก็กลายเป็นการเถียงกัน แล้วทุกอย่างก็หาข้อยุติได้ยากเย็นยิ่ง ความรู้ความเข้าใจในอีกสภาวะนึงจึงมีบทบาทควบคู่ไปกับทฤษฎีที่เขียนผ่านอักษรและพล่ามพูดด้วยถ้อยคำ สภาวะนั้นเรียกว่า พ้นภาษา

ในหนังสือ เต๋าแห่งฟิสิกส์ หนึ่งในหนังสือที่ข้าพเจ้าชื่นชอบมาก ที่มีการพูดถึงทุกสิ่งของจักรวาล ด้วยหลักการของฟิสิกส์ผนวกกับปรัชญาคำพูด ที่จำเป็นต้องเข้าใจในธรรมะด้วย ทุกอย่างจึงจะกระจ่างชัด ได้พูดถึงสภาวะ พ้นภาษาไว้ ซึ่งเท่าที่ฉันได้อ่าน และจับใจความได้แค่หางอึ่งเกี่ยวกับสภาวะนี้ก็คือ
ปัจเจกชนส่วนใหญ่เชื่อว่า มีตัวตนอยู่ภายในร่างกาย
จิตใจถูกแยกออกจากร่างกายและเป็นตัวควบคุมร่างกาย
ดังนั้น ความขัดแย้งระหว่างการจงใจทำ
กับสัญชาติญาณจึงตามมา

นอกจากนั้น อารมณ์ ความเชื่อ ความสามารถ และอื่นๆ
ก็ยิ่งเป็นแรงบวกที่ทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น

จริงๆแล้วประโยคข้างต้น
ล้วนเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งลวงตา
ที่เกิดจากการใช้ภาษาเพื่ออธิบายความสับสนในตัวเอง
แต่แทนที่จะเข้าใจ กลับยิ่งเพิ่มข้อสงสัย
และความสับสนมากขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะภาษานั่นเอง

เมื่อจิตใจถูกรบกวน ความหลากหลายของสรรพสิ่งก็เกิดขึ้น
เมื่อจิตใจสงบลง ความหลากหลายของสรรพสิ่งก็มลายหายไป

เหตุผล...คนส่วนใหญ่ต้องการเหตุผลในทุกๆเหตุการณ์
ทุกๆการกระทำ ทุกๆสิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัส
โดยมิได้ตระหนักถึงข้อจำกัดของเหตุผลนั้นเลย
ซึ่งสุดท้ายเพียงเพื่อหาเหตุผลงี่เง่าบางอย่าง
กลับทำให้มนุษย์ ต้องขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน ฆ่าฟันกัน

จางจื๊อ นักปราชญ์
แห่งลัทธิเต๋ากล่าวเอาไว้ว่า

"สุนัขไม่ได้เป็นสุนัขดีเพราะ มันเห่าเก่ง
คนไม่ได้เป็นคนฉลาดเพราะ พูดเก่ง
และการโต้เถียงพิสูจน์ให้เห็นความชัดเจนใดไม่ได้
มีแต่จะเพิ่มข้อโต้เถียงไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด"


เราจึงจำเป็นต้องหาคำตอบของเหตุผลต่างๆด้วย
สติปัญญา ไม่ใช่ คำพูดตรรกกะ เพียงเพื่อหาว่า
มันเป็นจริงหรือเท็จ แต่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ต่อคำตอบของปัญหานั้น...แล้วการรู้แจ้งก็จะเกิด

การรู้แจ้ง ไม่ใช่การ ตรัสรู้ แต่เป็นการที่เราเข้าใจถึงความซับซ้อน
ในระบบความคิดคำนึงของเราเอง ซึ่งภาษาอธิบายได้ไม่หมดในสิ่งที่รู้นั้น



ดังนั้น ภาษาก็เป็นเพียงแค่ไม้เกาหลัง
ที่เราใช้มันเพียงเพื่อแก้อาการคันที่ผิวหนังเท่านั้น
มันไม่ได้ช่วยให้เรารู้เลยว่า อาการคันเกิดขึ้นจากอะไร

ไม่มีความคิดเห็น: