ประตูสวรรค์บานสุดท้าย...

"ที่นี่ที่ไหน...ทำไมมืดจัง...ฉันมองอะไรไม่เห็นเลย"
แว่วเสียงในห้วงคิดของชายหนุ่ม ผมเผ้ารุงรัง เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยสี ถามตัวเองอย่างประหลาดใจ หลังจากที่ตื่นจากการหลับใหลเพราะความเมา เหตุจากเมื่อคืน เขาออกไปซื้อสุรามาดื่มเพียงเดียวดายในห้องพักขนาดเล็ก ของอพาร์ตเม้นต์แห่งนึงย่านชานเมือง

"มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมฉันมองไม่เห็น"
ชายหนุ่มวัย 29 ยังคงรำพึงรำพันกับตัวเองในความมืดนั้นด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นจิตรกรไส้แห้ง ที่ขายงานไม่ออก ถังแตก และเบื่อหน่ายชีวิต กับอาการที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ ดวงตาเขาบอดสนิทซะแล้ว

"ตาฉัน...ตาฉันมองไม่เห็น...เป็นไปได้ยังงัย"
ชายหนุ่มตะโกนออกมาแบบลืมตัว ร้องไห้โฮจนแทบเสียสติที่รู้ตัวว่าดวงตาทั้งสองของเขานั้นมองไม่เห็นอีกต่อไป ไม่นานนัก มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาที่หน้าประตูห้อง เคาะประตูเสียงดังเหมือนจะพังมันออกเป็นเสี่ยงๆ

"พี่ชาติ...พี่เป็นอะไรน่ะ พี่ชาติ" เสียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นร้องเรียก พร้อมกับเคาะประตูครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างตื่นตระหนก

ภายในห้อง ชาติจิตรกรหนุ่มยังคงตั้งสติไม่ได้กับการที่เขาต้องสูญเสียการมองเห็นไป ในหัวสมองตอนนี้ มีแต่ความคิดวกวนซ้ำไปซ้ำมาว่า หลังจากนี้จะทำอย่างไร เขาจะสร้างสรรงานศิลปะที่เขารักได้อย่างไร เหมือนทุกอย่างพังทลายลงในพริบตา

เด็กหนุ่มที่ตะโกนเรียกอยู่อีกฟากของประตูห้องอดรนทนต่อไปไม่ไหว เขาพังประตูที่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากนัก เข้ามาในห้อง ภาพแรกที่เด็กหนุ่มเห็นคือ ภาพของชายคนที่เขานับถือเหมือนพี่ชายนั่งกองอยู่กับพื้นห้อง ที่เต็มไปด้วยข้าวของหล่นแตกกระจายเกลื่อนพื้น กับถังสีล้มเทระเนระนาดจนเนื้อสีไหลเปรอะเต็มห้อง เขาวิ่งเข้าไปประคองร่างและเขย่าให้ ชาติได้รู้สึกตัวเรียกสติกลับมา เพื่อไต่ถามเรื่องราว

"พี่ชาติ...พี่ชาติ...เกิดอะไรขึ้นพี่ ทำไมเป็นแบบนี้"
"นพ...นพเหรอ... ไอ้นพ ตาพี่มองไม่เห็นแล้ว"
ชาติตั้งสติตอบกลับหลังจากที่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงที่ถามนั้น ด้วยตัวที่สั่นเทา น้ำตานองหน้า และเสียงสะอื้นเหมือนเด็กที่โดนแย่งของเล่นไปจากมือ

"เป็นไปได้งัยอ่ะพี่...ไปหาหมอกันดีกว่า...นะพี่ชาติ นะ"
"หมดสิ้นแล้ว...กูหมดสิ้นแล้ว...หมดทุกอย่าง"
ชาติตะโกนสุดเสียงปริ่มจะขาดใจตาย เพ้อจนไม่ได้ศัพท์ ร่างกายอ่อนยวบกองอยู่อย่างนั้น จน นพ ต้องหามออกไปข้างนอกเพื่อพาไปยังคลีนิคที่ใกล้ที่สุด

นพ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เขาเรียนด้านศิลปะเช่นกัน เขาพักที่เดียวกับ ชาติ และได้รู้จักกันโดยบังเอิญผ่านงานศิลปะ ทั้งสองคุยเข้าขากันได้อย่างดีด้วยทัศนะคติที่มีต่อการสร้างสรรงานที่เหมือนกัน ทั้งๆที่ ชาติ เป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใครที่พักอยู่ในอพาร์ตเม้นต์แห่งนั้น ในวันว่าง นพมักจะคลุกตัวเองอยู่ในห้องของ ชาติ ชื่นชมงานศิลปะที่ขายไม่ออกอย่างเทิดทูน งานของ นพ จึงได้อิทธิพล และแนวทาง ในแบบเดียวกับ ชาติแทบไม่ผิดเพี้ยน แต่ก็ยังคงปนเปกับรูปแบบของตนเองอยู่

หลังจากกลับจากคลีนิค นพ พาชาติกลับมาถึงห้องพัก กับคำตอบที่ยังไม่ยืนยันของแพทย์ประจำคลีนิคที่เครื่องมือไม่เพียบพร้อม ว่า จำเป็นต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในตัวเมือง ซึ่งจะสามารถตรวจได้ละเอียดกว่า แต่จำเป็นต้องรอวันนัดหมายอีกครั้ง
เมื่อเข้าไปในห้อง ชาติยังคงเงียบกริบ ไม่พูดไม่จาใดๆ เหมือนหมดอาลัยตายอยาก นพยังคงชวนคุยไม่ห่างแม้จะไม่ได้รับคำตอบใดๆจากชายหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนผีดิบไร้วิญญาณไปซะแล้ว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ปฏิกิริยาตอบสนองเริ่มส่งสัญญาณจากตัวชาติ เขาเอ่ยปากกับนพว่า
"นพ ไอ้น้องรัก ยังมีภาพที่พี่เคยคิดวาดในความทรงจำ หลังจากนี้พี่คงวาดมันขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว พี่ขออะไรอย่างได้ไหม"
"พี่ชาติ พี่อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ถ้าได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว พี่อาจไม่เป็นอะไรก็ได้นะ อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรเลยพี่"
"นพ แกตอบมาก่อนดีกว่า ว่าแกจะทำสิ่งที่พี่ขอได้ไหม"
"ได้ซิพี่ พี่อยากได้อะไรเหรอ"
"แกช่วยวาดรูปนั้นให้พี่ทีได้ไหม"
"เฮ้ย...พี่ จะเป็นไปได้ยังไง ภาพในจินตนาการของพี่ แต่พี่จะให้ผมวาดเนี้ยนะ จะไหวเหรอ"
"ไอ้นพ แกรับปากพี่แล้วนะ"
"โธ่พี่...มันเป็นไปไม่ได้หรอก แล้วจะออกมาในแบบที่พี่ต้องการได้ยังไง"
"แกแค่วาดตามที่พี่บอกก็พอ แกทำได้มั้ย ถือว่าพี่ขอร้องล่ะ"


หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ นพก็ตอบตกลง แล้วก็จัดแจงตั้งกระดานที่ขึงผ้าใบสีขาว บนขาหยั่งที่ใช้วาดรูป เตรียมสีที่ยังเหลือจากที่หกเลอะอยู่ทั่วห้อง เท่าที่มี แล้วล้างพู่กันรอท่าไว้ ชาติ เริ่มพูดถึงภาพในจินตนาการที่ฝังแน่นในหัว ภาพที่เขาอยากวาด แต่ไม่เคยสำเร็จ บัดนี้มันจำเป็นต้องถูกวาดโดยมือคนอื่น แทนที่จะวาดด้วยมือตัวเอง นพนั่งฟังอย่างตั้งใจ พร้อมๆกับที่มือวาดรูปตามคำบอกของคนที่เขานับถือเหมือนเป็นต้นแบบเป็นแรงบัลดาลใจของเขา

เมื่อคำพูดสุดท้ายแห่งจินตภาพจบลง นพก็วางพู่กันลงข้างตัว สิ่งที่เขาเห็นหลังจากฝีแปรงสุดท้ายได้ตวัดบนผืนผ้าใบ ทำให้เขาถึงกับตะลึงงันนั่งนิ่งไม่ไหวติงเป็นรูปปั้นอยู่เป็นนานสองนาน

"นพ...รูปนี้พี่ให้แก...พี่เหนื่อยแล้ว...อยากพัก"
"เฮ้ย...เดี๋ยวพี่ เมื่อกี๊ว่าไงนะ...ให้ผม...เหรอ"
"ก็แกเป็นคนวาด มันก็ต้องเป็นของแกซิ"
"แล้วผมจะทำยังไงกับมันล่ะ..."
"นั่นมันแล้วแต่แก พี่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว"


ร่างของชาติ เอนกายทอดยาวลงบนเตียง นอนนิ่งไปอย่างเหนื่อยอ่อน นพ เดินออกจากห้องไปพร้อมรูปที่สียังไม่แห้งดีเพราะเพิ่งวาดเสร็จหมาดๆ กับความรู้สึกที่แม้จะไม่ได้จับจ้องที่รูปภาพบนผืนผ้าใบนั้น แต่มันชัดเจนติดตา จนไม่อาจลืมได้
เช้าวันต่อมา นพเดินไปยังห้องของชาติตามปกติ เพื่อดูว่า พี่ชายที่นับถือนั้นจะกินอะไรในตอนเช้านี้ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องยังคงเห็นชายหนุ่มที่เขานับถือ นอนทอดกายนิ่งอยู่บนเตียง จะมีที่ผิดปกติไปคือ ในมือของชายผู้นั้น กำอะไรบางอย่างไว้ เขาเดินเข้าไปใกล้เพื่อถามไถ่ แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นชายหนุ่มใบหน้าซีดเผือก ดวงตาสองข้างเบิกโพลงกับรอยยิ้มเปื้อนหน้าอย่างมีความสุข บัดนี้ ชาติ ได้จบชีวิตตัวเองลงซะแล้ว แต่เหตุใดเขาจึงดูมีความสุขมากมายขนาดนั้น ชั่วขณะนึงในความคิดของนพ ภาพที่เขาวาดจากจินตนาการของผู้ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นก็ลอยผ่านเข้ามาในหัวน้ำตาของนพใหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับคำเอ่ยที่หลุดออกมาจากปากว่า

"พี่คงไปถึงแล้วซินะ..." เขายิ้มทั้งๆที่น้ำตานองหน้า

ภาพนั้น คือภาพของชายคนนึงก้าวขึ้นบันไดไปสู่ประตูที่มีแสงสว่างเจิดจ้า เหลืองอร่าม ทิวทัศน์แห่งเมฆหมอกรายล้อมคนในภาพที่เดินไปยังประตูนั้น จนดูเหมือนทุกอย่างเบาหวิวล่องลอยอยู่ในอากาศ และเขาตั้งชื่อภาพนี้ว่า 'ประตูสวรรค์บานสุดท้าย'



"......."
"ที่นี่ที่ไหน...ทำไมมืดจัง...ฉันมองอะไรไม่เห็นเลย"
"มันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมฉันมองไม่เห็น"


ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวลุกจากที่นอน มองไปยังผ้าใบที่วางบนขาหยั่งตรงปลายเตียง ชายในภาพวาดที่กำลังเดินก้าวขึ้นบันไดสู่ประตูที่มีแสงสว่างเจิดจ้า ชาติขยี้ตาอย่างเร็ว และเพ่งไปยังชายในภาพนั้น ซึ่งหันมองเขาอยู่เช่นกัน

"นพ...!" ชาติบ่นพึมพำกับตัวเองจนเสียงแทบจะเป็นแค่เสียงกระซิบ

วันนี้เป็นวันที่จะต้องทำการฌาปนกิจศพหลังจากที่ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดครบเจ็ดวัน หลังจากการตายของน้องที่นับถือเขาอย่างพี่ชาย เทิดทูนงานศิลปะของเขาอย่างอาจารย์ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

"แกคงใกล้เดินไปถึงประตูนั้นแล้วซินะ...ขอบใจมากน้องรัก"
"สักวัน...ฉันจะไปหาแกที่นั่น"

ภาพนั้นทำให้ชาติ มีชื่อเสียงในฐานะศิลปินหน้าใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นทางศิลปะ เขาใช้ชีวิตกับอาชีพจิตรกรของเขาอย่างมีความสุข และไม่เคยคิดเบื่อหน่ายกับชีวิตของตัวเองอีกเลย อยู่กับภรรยาและลูกชายวัยกำลังซน ช่างสงสัย ที่ชาติเป็นคนตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า นพ
จนวาระสุดท้ายของชีวิตตัวเอง ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนทุกอย่างมืดมิดลงคือ ภาพของมือคู่นึง เอื้อมมาหาที่ตัวเขา เหมือนเชื้อเชิญให้เดินไปยังแสงสว่างด้วยบันไดที่ทอดยาวสู่เบื้องบน กับประตูหนึ่งบานที่ปลายทางนั้น


ประตูสวรรค์บานสุดท้าย...



บุคคล สถานที่ ที่ปรากฎในเรื่องสั้นเรื่องนี้ เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ไม่มีเจตนาล่วงเกิน หลบลู่ ใครแต่ประการใด

1 ความคิดเห็น:

Borcagirl.A238 กล่าวว่า...

นพมาเข้าฝันใช่ไหมคะ