หญิงชรา

ฟ้ามืดแล้ว แต่แสงไฟตามท้องถนนยังคงสว่าง วิ่งขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย เสียงเครื่องยนต์ และแตรสัญญาณดังเป็นระยะ ริมบาทวิถี เต็มไปด้วยเสื่อน้ำมันที่วางของขายยาวตลอดแนวจนถึงป้ายรถโดยสารประจำทาง ที่ไร้แสงไฟส่องสว่างทั้งๆที่อยู่ริมถนนใหญ่

ชายหนุ่มยืนคอยรถโดยสารประจำทางอย่างตั้งใจ เช่นเดียวกับผู้คนที่ยังดูหนาตาแม้เวลาจะล่วงเข้าใกล้เที่ยงคืนเต็มที เขามองไปมาจับจ้องหมายเลขของรถโดยสารที่วิ่งเข้าเทียบป้ายคันแล้วคันเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววของรถที่เขาจะโดยสาร แล้วในนาทีนั้น เขาก็หันไปพบกับหญิงชราสองคน ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนตัวเขาจะยืนอยู่ระหว่างหญิงชราทั้งสองโดยไม่รู้ตัว

คนหนึ่งนั้น...นั่งยองๆอยู่ทางขวามือ ด้านหน้าของหญิงชราผมขาวที่นั่งเคี้ยวหมากคือกระจาดขนาดใหญ่วางบนลังโฟมใส่น้ำแข็ง ในกระจาดเต็มไปด้วยพวงมาลัยนับสิบพวง แหงนหน้ามองผู้คนที่เดินผ่านไปมา รอคอยเพียงใครเข้ามาทักถามถึงราคาของพวงมาลัยเหล่านั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งการขาย

อีกคนหนึ่งนั้นอยู่ทางด้านซ้ายมือนั่งลงกับพื้นบาทวิถีและเอนหลังกับเสาของที่พักรอรถโดยสารข้างๆกายเธอมีไม้เท้าโลหะแวววาววางอยู่ และในมือถือกะลามะพร้าว ยกท้วมหัวรอผู้คนที่เดินผ่านไปมา เพื่อให้ได้มาซึ่งการขอ

ชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ระหว่างหญิงชราทั้งสอง รู้สึกฉงนใจขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ที่ตัวเขาเกิดความรู้สึกนั้น ความรู้สึกสงสารปนสงสัย และคำถามที่ดูเหมือนเขาจะต้องตอบให้ได้ ระหว่างซ้ายและขวา ระหว่างหญิงชราทั้งสอง ที่หนึ่งขายของเพื่อเลี้ยงชีพกับอีกหนึ่งที่ขอเพื่อเลี้ยงชีพ ทำไมช่างเป็นความเหมือนที่แตกต่างกันสุดขั้วแบบนี้ ในสถานที่ใกล้กันเพียงเดินก้าวข้ามถึง

เสียงเหรียญกระทบก้นกะลาครั้งแล้วครั้งเล่าจากผู้คนที่เดินผ่าน และจากผู้ที่ยืนรอรถโดยสารเช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้นั้น ในขณะที่ พวงมาลัยในกระจาดยังคงตั้งกองพะเนินอยู่เท่าเดิมและมีเพียงคนเดินผ่านไปอย่างไร้ความสนใจต่อดอกไม้ที่ร้อยเรียงเป็นพวง

ชายหนุ่มคิดเพียงว่า นี่เป็นเพราะ แค่คำว่าให้ทานใช่หรือไม่ ที่ทำให้ผู้คนเต็มใจที่จะหย่อนเงินลงในกะลาของหญิงชราขอทาน มากกว่าการซื้อดอกไม้จากหญิงชราอีกคนที่เต็มใจทำมาหากิน

ชายหนุ่มได้แต่หัวร่ออยู่ในใจจากภาพที่เห็นจนแสดงออกทางสีหน้าและรอยยิ้มแปลกๆที่มุมปาก เขาเดินไปถามถึงราคาดอกไม้จากหญิงชราผมขาวและซื้อมันมาไว้ในมือดอกมะลิส่งกลิ่นหอมเตะจมูกให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายจากคำถามทั้งหมดที่มีล้วงกระเป๋าและจ่ายเงินให้ด้วยรอยยิ้มแห่งความสบายใจ และยืนรอเงินทอนจากหญิงชราขายดอกไม้นั้นอย่างใจเย็นจนแทบไม่สนใจว่ารถโดยสารที่เขารออยู่นั้นจะมาอีกหรือไม่

หลังจากรับเงินทอนซึ่งเป็นเศษเหรียญสิบและเหรียญบาทอีกสองสามเหรีญกำไว้ในมือ เขาหันหลังกลับเดินมายังด้านตรงข้าม แล้วหย่อนเงินทอนทั้งหมดลงใส่ในกะลาเก่าๆที่หญิงชราอีกคนถืออยู่ อย่างจงใจ ด้วยรอยยิ้มแห่งความอิ่มเอิบอย่างแปลกประหลาด เป็นเวลาเดียวกันกับรถโดยสารหมายเลขที่เขารอจอดเทียบป้ายพอดี ชายหนุ่มเดินขึ้นรถไปพร้อมพวงมาลัยในมือที่ยังส่งกลิ่นหอมอยู่ แล้วรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากที่จอดวิ่งลับตาไปกับแสงไฟบนท้องถนนยามค่ำคืน โดยไม่นึกถึงคำถามที่เคยผุดขึ้นมาในหัวเขาอีก

เป็นอันว่า ณ จุดที่เขาอยู่ระหว่างหญิงชราทั้งสองนั้น เขาไม่ได้ทำให้ใครขุ่นข้องหมองใจจากการกระทำเหล่านั้นเลย...



บุคคล สถานที่ ที่ปรากฎในเรื่องสั้นเรื่องนี้ เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ไม่มีเจตนาล่วงเกิน หลบลู่ ใครแต่ประการใด

1 ความคิดเห็น:

Borcagirl.A238 กล่าวว่า...

เราว่า หญิงชราคนที่ขายพวงมาลัยดูพยายามมากกว่านะคะ